Tripนี้.... เริ่มจากการที่ ไอติม(ลูกคนโต) ปิดเทอม ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี ลูกคนเล็กก็...ปิดเทอมใหญ่ด้วยพอดี
ก็วางแผนไว้แต่ว่า
1.ไปหาลูก
2. Cherry Blossom Bloom ที่คันไซก่อน คันโต 1อาทิตย์
3. ไม่รู้จะเที่ยวใหน ไปแช่ออนเซ็น มั่งดีกว่าไม่เคยไป
1.ไปหาลูก
2. Cherry Blossom Bloom ที่คันไซก่อน คันโต 1อาทิตย์
3. ไม่รู้จะเที่ยวใหน ไปแช่ออนเซ็น มั่งดีกว่าไม่เคยไป
จองตั๋วไว้ล่วงหน้านานมาก ช่วง X เปิดรูธ OSAKA ใหม่ๆ 6xxx.-
จองตั๋ว อุดร - กทม. พร้อมเลย แต่ทิ้งเพราะจะขับรถไปซื้อของที่อีเกีย..... เฮ้อ ตจว. ก็แบบนี้แหละ
ตามสูตรก็ต้องวางแผนเที่ยวคร่าวๆก่อน ว่าจะไปใหนบ้าง
0 สนามบิน
1 เกียวโต
2 เกียวโต
3 Kinosaki Onsen
4 Himeji
5 Umeda City
6 USJ
7 OSAKA .....
8 Nara + Wakayama
9 Hanami@OSKA Castle + Nanba + SUMO หรือ มวยปล้ำ
0 สนามบิน
1 เกียวโต
2 เกียวโต
3 Kinosaki Onsen
4 Himeji
5 Umeda City
6 USJ
7 OSAKA .....
8 Nara + Wakayama
9 Hanami@OSKA Castle + Nanba + SUMO หรือ มวยปล้ำ
ได้แผนคร่าวๆ แล้วเราก็จองที่พักตามสูตร
รอบนี้อยาก ลองของแปลกใหม่ ที่พักถูกๆ ก็ได้เรื่องเลย....แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ
รอบนี้อยาก ลองของแปลกใหม่ ที่พักถูกๆ ก็ได้เรื่องเลย....แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ
ตามสูตร(อีกแล้ว) วางแผนเที่ยวของผม คือ
1. หาวันหยุดงาน
2. จองตั๋ว
3. วางแผนคร่าวๆ
4. จองที่พัก
5. ใส่รายละเอียด...... ที่กิน วิธีเดินทาง ปรับปรุงแผน เพิ่ม-ลดที่เที่ยว ปักหมุดในแผนที่ หาแหล่งซื้อของ แก้ไขเพิ่มไปเรื่อยๆเลย จนวันเดินทางโน้นแหละยังสรุปไม่ได้ก็ไปลุยมั่วเอาเลย....
1. หาวันหยุดงาน
2. จองตั๋ว
3. วางแผนคร่าวๆ
4. จองที่พัก
5. ใส่รายละเอียด...... ที่กิน วิธีเดินทาง ปรับปรุงแผน เพิ่ม-ลดที่เที่ยว ปักหมุดในแผนที่ หาแหล่งซื้อของ แก้ไขเพิ่มไปเรื่อยๆเลย จนวันเดินทางโน้นแหละยังสรุปไม่ได้ก็ไปลุยมั่วเอาเลย....
สัญญาประชาคมโลกครับ..... blog หน้า blogโน้น จะมาเปิด spreed sheet ให้ดูครับ ว่าผมวางแผยการเที่ยวแบบใหนยังไง.........
แต่ทริปหลังๆนี้เริ่ม ไม่Fix กับงบประมาณมาก ก็เลยไม่ค่อยวางแผนก่อนเดินทางละเอียด เท่าไหร่ คือ ...........มั่วบ้าง ไรบ้าง มันก็ต้องมาหลงทางบ้าง ตกรถบ้าง ถึงจะสนุก ฮ่าๆๆๆๆ
ได้แผนก่อการร้ายแล้วก็หาวิธีประหยัดที่สุดชีวิต พวกบัตร Pass บัตรลด บัตรฟรี จัดให้พร้อมๆ
อย่างนึงผมได้เปรียบกว่าใครคือ ลูกผมเรียน ม.ปลาย ที่ญี่ปุ่น เปิดเทอมนี้ ก็ high school ปี2ละ แถวบ้านเรียก ม.5 แต่ที่แย่คือ ลูกพี่ใหญ่ ไม่สนใจอะไรใดๆ ให้คนมาจากไทยพาเด็กญี่ปุ่นเที่ยว........ซะงั้น!!
เลาจ์ในสนามบิน คิดค่าบริการเป็น ชม. มีเป็นห้องๆ นั่งนอนได้ 5-6 คน ประมาณ 800บาท แต่....เต็ม!!
จากที่ เราได้มาถึงสนามบิน Kansai 4 ทุ่มกว่าๆ ออกมารถไฟก็จะหมดละ จริงๆแล้วรีบๆออกก็ทันนะ แต่....... เข้าเมืองนอนโรงแรม แค่ไม่กี่ ชม. ดูจะไม่คุ้ม เห็นใครๆก็นอนสนามบินกันได้ เราก็ลองดูบ้าง
คณะเรา 5 คน เยอะไปหน่อย เคลื่อนตัวออกมาอย่างสบายใจ เดินหาที่นอน ม้านั่งตามทาง ถูกจับจองเต็มไปหมด แทบไม่มีที่เหลือ เอาแล้วไง!!! ที่ตามเสา ตามที่มีปลั๊ก ชารตไฟ จะโดนยึดก่อนอันดับแรก
หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่เค้ามีผ้าห่ม หมอนให้ยืมก็ เต็มเป็นที่ถัดมา ตามด้วยหน้าแฟมิลี่มาร์ท ก็ไม่เหลือ บางคนมีผ้า ก็ปูนอนใต้บันไดเลื่อน บ้างก็ริมทางเดิน ดีที่อากาศไม่หนาวมาก
ใครคิดจะมานอน แบบเรา รีบออกมาจองที่ครับ แนะนำให้เลือก เวิ้งหน้าแฟมิรี่ มาร์ท ชั้น 2 โซฟา พร้อม มีปลั๊กไฟ มีห้องน้ำ จุได้ 40กว่าคน
มีจนท.เดินตรวจเวรยามตลอดคืน ที่ตรงนี้หรูๆกว่าโรงแรม 5ดาว จริงๆ
กลุ่มนั้นลากกระเป๋าหาที่นอนยังไม่ได้ คราวหน้าจะไปจองที่ใต้บันไดเลื่อนนั้น ดูมันเป็นห้องส่วนตัวมาก
เราก็เดินวนๆ ..... ว่างตรงใหนพอเอนได้ก็จัดไป
รถไฟเที่ยวแรก 6 โมงเช้า สนง.JR เปิด 5:30 ก็มีคนไปต่อคิว แลก JR Pass บัตรเทพ ของเราที่ซื้อมาเป็น Kansai Wide Area pass 4วัน ต่อคิวกันแต่เช้า ก็อีพวกที่นอนๆ กับเราเมื่อคืนนั่นล่ะ แลกได้แล้ว จนท.ก็ถามเลยว่าเราจะไปใหน เค้าก็จะออกตั๋วให้เลย
----->>>>>>>> เกียวโต <<<<<<------
เราจะไปเกียวโต รถไฟ LTD. Express ใช้เวลา 70 นาที ถึง {Kyoto} ถ้าไปลงแค่โอซาก้าก็ แค่ 40 นาที
ลำนี้ ชื่ออะไรจำไม่ได้ Haruka มั้งครับ รวดเร็วนิ่มนวลมากๆ
ถึง {Kyoto} ต่อรถเมล์ ถาม จนท.เอาครับว่าสายใหนไปได้ สถานีรถไฟใหญ่ๆจะมีชาญชลารถบัส ที่ชาญชลาก็จะมีหลายๆช่องจอด A1 A2 B1 B2.... ประมาณนี้ เราต้องดูที่ป้ายว่าสายใหนไปใหน ไปต่อคิวช่องใหน
เวลาขึ้นรถก็ไปก่อนแล้วเค้าจะมีบัตรให้หยิบเป็นเลขป้ายที่เราขึ้น เวลาลง ให้ดูที่จอเค้าจะมีบอกว่าถึง ป้ายใหนๆแล้ว ค่าโดยสารสำหรับเราเท่าไหร่ บนจอก็จะบอกว่า ถ้าลงป้ายที่จะจอดเนี่ยะ ราคาเท่าไหร่บ้าง ค่ารถจะแพงขึ้นตาม...ความไกล
3-4 ป้ายเดินต่ออีกนิดหน่อย ถึงแล้ว TOYOKO Inn Gojo-Omiya
วันแรกๆ ฟิตมากๆ ลากเดินๆ คอยดูวันหลังๆ จะเรียกแต่แท๊กซี่ๆๆ
ถึงโรงแรมไอติม ลูกคนโต แลกแต้มสะสมเปิดห้องฟรี นอนรออยู่ที่โรงแรมแล้ว ก็ผลัดกันไปล้างหน้าแปลงฟัน
เสร็จก่อนก็เดินสำรวจรอบๆโรงแรม เผื่อมีอะไรกิน....... ยังไม่เปิดซักร้าน ร้านค้า ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเปิดตอน 11โมงครับ
พร้อมเดินทางกันแล้วก็ ถ่ายรูปเปิดทริป
น่าจะทำป้าย ผ้ามากางด้วยครับ
แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนว่าอะไรดี
"ยินดี ต้อนรับคณะทัวร์มั่วซั่ว" ฮ่าๆ
โปรแกรมวันนี้ ฝั่งตะวันตกของ Kyoto วัด Kinkaku ji , Ryoan ji , Sakano , Romantic train ,ป่าไผ่ Tenryo ji , สะพาน , กินโมจิ ซากุระ , กินข้าวแถวๆสถานีเกียวโต นอน
ที่แรกก็ดูตามแผนที่รถเมล์เลย เลขเยอะระวัง งงนะครับ
ไปกินข้าวหน้าวัดร้านรวงก็ยังไม่ค่อยเปิดกัน เจอร้านนึง หืม!!!ดีใจ หิวใส้ขาด
หากินข้าวหน้าวัด
ยังไม่ถึงวัดง่ายๆ ร้านนี้เป็นเครื่องสำอางค์จากธรรมชาติ ของขึ้นชื่อของเกียวโต ใช้ดีมีคนรีวิวเยอะ แต่แพง
เข้าวัดไปก็เดินตามทางเลยครับ ถ้าจะให้ดีก็อย่าย้อนศร มันเดินยาก
ตามสถานที่ท่องเที่ยวคนเยอะทุกที่ ญี่ปุ่น ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง ใต้หวัน ฝรั่ง
เครื่องราง ของขลัง หน้าวัด จัดไปเป็นที่ระลึก
ระหว่างทางจากวัด Kinkaku ji วัดทอง ไป Ryoan ji เดินประมาณ 1.6กม. วิวบ้านเมืองเก่าๆ แบบเชียงคาน ยังไงอย่างงั้น
ดูบ้าน ดูคนเค้าอยู่กันง่ายๆ ที่เกียวโตนี่เป็นเมืองใหญ่ แต่ผู้คนนิยมขี่จักรยาน รถเมล์มากกว่า รถไฟ แต่ละบ้านถ้าไม่จำเป็น ไม่รวยจจริงก็ไม่ต้องซื้อรถใช้ แต่ละบ้านก็จะมีทั้งแอร์ ทั้งฮีตเตอร์ เพราะหน้าร้อนที่นี่ ร้อนจริงๆ 30 กว่า องศาได้เลย
Kin แปลว่า ทอง Gin แปลว่าเงิน วัดGinkaku ji อยู่คนละทิศเมือง อย่าสับสนกันนะครับ
วันนี้แดดดี แต่เดินไม่ร้อน ประมาณ 20 องศาได้ ยิ่งร้อนยิ่งดี เรากำลังลุ้น ให้ซากุระบาน ทันก่อนเราจะกลับกัน
รถแถวนี้นิยม ตู้เล็กๆ นั่งได้ขนของได้ มุดได้ ไม่เหมือนพี่ไทยนิยม กระบะอเนกประสงค์ พลังมหาศาล
วัดเรียวอัน จิ เป็นวัดเซ็น เก่าแก่ ต้นไม้เยอะ กำลังจะออกดอก ผลิบานแล้ว.....
ในวัดเค้าก็จัดสวนแบบเซ็น ให้คนมานั่งทำสมาธิ สงบจิตตั้งสติ เราลองเข้าไปนั่งดูแล้ว ร่มรื่นเย็นตา สบายใจมากๆ
เย็นสุดๆๆ
ดอกบ๊วย ดอกเชอรี่ บางพันธ์ เริ่มบานกันแล้ว
นั่งเท๊กซี่ ราคาเริ่มต้น 450เยน มิเตอร์ยังไม่ขยับก็มาถึงสถานีรถไฟใกล้ๆวัด จริงๆมีใกล้กว่านี้นิดนึงแต่...... ถนนแคบก็ เอาสถานีนี้แหละ {Utano} เป็นรถไฟสายเก่าแก่มากๆ เป็นร้อยปี วิ่งตรงไปสุดสายที่ Arashiyama เลย
รถไฟก็จะแปลกๆ ไม่มีGate ไม่มีตู้ขายบัตร ปิ๊ดบัตร หรือที่ซื้อบัตร เค้าให้ไปจ่ายบนรถตอนลง เหมือนรถเมล์
สถานีรถไฟ น่ารักมากๆ
คำถามว่า.....ผมรู้ได้ไงว่าจะนั้งรถไปใหนมาใหน??
Google Map เลยครับ ผมจะปักดาวที่ๆเราจะไป ไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนเดินทาง แล้วก็ดูว่าที่ๆเราอยู่ไกลแค่ใหน มีรถไฟผ่านมั๊ย สายอะไร ต้องไปต่อที่สถานีใหน
ทุกครั้งที่เดินทางท่องเที่ยว ก็จะเช่า Pocket Wifi หรือไม่ก็เปิด 3G Roaming ไปด้วย
แต่ถ้ามาที่ญี่ปุ่นนี้ เข่า wifi จาดเมืองไทยถูกสุด โปรดีๆตกวันละ 150 บาท
ถ้าไปเกาหลีนี้แนะนำให้ไปเช่าที่ โรงแรมหรือเกสเฮ้าส์ที่เกาหลีเลย......ถูกกว่า
เราตั้งใจจะไปนั่งรถไฟสายโรแมนติก Sakano Romantic train กัน ซึ่งต้องไปขึ้นที่ สถานี {JR SakaArashiyama} จากรถไฟสายเก่าที่เราขึ้นมาต้องมาลง สถานี {Randensaga} มัวแต่คุยกันเพลินๆ เลยไปสุดสาย {Arashiyama} ซะงั้น จะเดินก็ยังไงอยู่ไกลอ่ะ ก็ว่าจะนั่งย้อนกลับไปสถานีนึง เลยไม่อยากจ่ายค่ารถไฟ แอบลงประตูหลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นักท่องเที่ยวไง แต่คนขับรถไปลงมาตามไปจ่ายเงินเลย เกือบโดนจับติดคุกแล้วมั๊ยล่ะ........
เดินๆจากสถานี {Randensaga} ผ่านร้านรวงต่างๆ ร้านดอกไม้ เสื้อผ้า ร้านกาแฟ น่ารักไปหมด
แล้วก็มาถึงสถานีที่เราจะขึ้นรถไฟโรแมนซ์ๆๆ
จะเป็นอีกตึกนึงที่อยู่ติดกันนะ..... จะมีที่ขายตั๋ว พิพิธภัณฑ์หัวรถจักรไอน้ำ ละก็สถานีอยู่ ต้องเลี้ยวซ้ายไป แต่ในสถานีนี้ก็ Classic มีการจัดแสดง โน้นนี่ให้ชมบ้าง น่าสนใจดี จะหลงเข้าไปแบบพวกเราก็ไม่ถือว่าเสียเที่ยวใดๆเลย
รถไฟสายโรแมนติกนี้เป็น สายเก่าที่ไม่ใช้แล้ว เพราะมีการสร้างสายใหม่ขึ้นมาทดแทน ก็เลยใช้เฉพาะการท่องเที่ยวเท่านั้น
ก็จะมีนักท่องเที่ยว มากมาย เราจะต้องซื้อตัว รถจะออกเป็นเที่ยวๆ ไม่ถี่มาก ดังนั้นจะมาต้องวางแผนดีๆจะได้ไม่ต้องมานั่งรอ ตั๋วจะระบุที่นั่ง แต่ถ้าคนเยอะ ทัวร์ลง ก็จะมีตั๋วยืน
เราจะซื้อตั๋วไป-กลับ เลยก็ได้ หรือ ตั๋วไป- ล่องเรือกลับ อันนี้แพงมากๆ ค่าล่องเรือคนละ 2พันบาทเลยมั้งถ้าจำไม่ผิด หรือจะซื้อตั๋วไป - เดินกลับ ก็ได้ ขากลับมาก็เดินลัดเลาะ หมู่บ้านชนบท ร้านค้า โรงแรม รีสอร์ท กลับมา ข้ามสะพาน Lonely Planet เค้าแนะนำมา
มีคนไทยบางคนแนะนำให้ซื้อตั๋วไปอย่างเดียว พาถึงปลายทางรถไปก็กลับย้อนกลับทางเดิม เค้าก็ไม่ลง นั่งแช่กลับมาเลย ประหยัด แต่ทุเรสครับ โดนจับได้จะโดนป้า ลุงด่า อับอายยันลูกยันหลาน เสื่อมเสียมาถึง ท่านผู้นำประเทศเราเลยนะครับ อย่าทำแบบนั้นเลย
วิวก็ประมาณ รถไฟเลาะริมเขา ข้างล่างเป็นแม่น้ำ คดเคียวไปมา ลอดอุโมง ข้ามสะพาน ผ่านป่า ถ้ามาถูกจังหวะ ใบไม้เปลี่ยนสี หรือดอกซากุระบานนะครับ มันจะสวยมากๆๆ
แต่อย่างว่าเรามาคนเยอะมาก ทัวร์จีน ทัวร์ไทย อาจูม่า อาซิ้ม อาม่า คุณป้า คุณลุง เต็มรถไฟไปหมด ความโรแมนซ์ หายไป 70%
แถวนี้คงมีเจ้าพวกนี้เยอะมั้ง ไม่แน่ใจใช่ ทานูกิรึเปล่า เค้าทำมาตกแต่งสถานีรถไฟ
บนรถไฟ คนขับจะบรรยาย โน่นนี่ด้วย แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น........
เราซื้อตั๋ว ไปกลับ แต่ขากลับเราลงสะถานี {Torokko Araashiyama} เพราะมันใกล้ป่าไผ่มากกว่า แล้วก็เดินทะลุ ไปวัด Tenryo ji ทะลุวัดกลับไปที่สะพานได้เลย
ที่สถานีนี้ก็มี ขนม ของฝากใว้ดูดเงินในกระเป๋าเราได้พอสมควรเลยนะ
ที่ป่าไผ่ ไผ่สูงใหญ่ ทึบ สูงมาก ถ่ายรูปยากนิดนึง แสงน้อยระวัง ภาพจะออกมาเบลอๆนะครับ
คู่รักมาเดินเล่น กินลมชมวิวก็ได้บรรยากาศ น่าอิจฉาเล็กน้อย
ทะลุเส้นทางป่าไผ่ไปอีกฟาก ก็จะเจอประตูวัด จะเหมือนกันทุกวัดคือ ต้องจ่ายบัตรผ่านประตู 3-400เยน แล้วแต่วัด ดูเหมือนไม่แพง แต่วันๆนึงไปหลายวัดก็หมดเยอะเหมือนกันนะ
วัดนี้เป็นวัดเซ็น เก่าแก่พันปี วัดใหญ่ สวนสวยงามมาก
ที่พิเศษกว่าวัดอื่นคือ ดอกไม้ ต้นไม้มีป้ายชื่อด้วย
ว่ากันว่า สวนที่นี่มีองประกอบตามแบบเซ็น ครบที่สุด มีน้ำ มีปลา ลานหิน ฉากหลังเป็นป่า
เรานั่งทำสมาธิ สงบจิตได้ ซักพัก กำลังจะเข้าฌาน ลม ฝนเริ่มมาทักทาย เอาแล้วไง ก็เลยต้องวิ่ง + เดิน กลับให้ถึงสถานี {Arashiyama} ก่อนที่เราจะติดฝนจนต้องบวชกินนอนอยู่ที่นี่
ฝนปลอยๆลงมาเรื่อยๆ เฉอะแฉะพอสมควร
แผนที่วางใว้ ว่าจะไปชิม โมจิซากุระ เป็นอันต้องยกเลิกไป เพราะเดินเหนื่อยมาทั้งวัน
เราก็เลยนั่งรถไฟร้อยปี ไปลง {Shijo Omiya} ถ้าเดินกลับโรงแรมก็คงประมาณ 1 กม. แต่ฝนก็ยังคงตกลงมา ตอนนี้เริ่มจะหนาวขึ้นมาแล้ว...... จะหาอะไรกินแถวนี้ก็ยาก และใหนๆก็ต้องโบกแท๊กซี่แล้ว เราก็ไปกินแถวๆ สถานี {Kyoto}ซะเลย
การเดินทางในกียวโต สายรถไฟจะมีทั้ง Shinkansen มี Jr วิ่งบนดิน มี Metro ใต้ดิน2สาย มีรถไฟสายโบราณแถมยังมี รถไฟจาก Osaka มาArashiyama โดยตรง ที่ไม่ผ่าน สถานีเกียวโตอีกด้วย
เข้าใจว่า เค้ามีรถไฟมานาน สมัยเป็นร้อยปีที่แล้ว แล้วมาสร้างใหม่ แล้วก็สร้างเพิ่ม แต่ละสายไม่ค่อยเชื่อมโยงต่อกันเลย ซ้อนทับกันบ้าง ทำให้เดินทางยาก บางครั้งก็ต้องใช้บริการรถบัส ซึ้งก็จะยากตรงที่มีรถหลายสาย ขึ้นลงลำบาก หาป้านรถไม่ค่อยเจอ
ถ้ามี 3-4 คนแท๊กซี่ จะถูกว่ารถไฟเลยด้วยซ้ำ แต่มันยากตอนบอกทาง บอกจุดหมายที่เราจะไปนี่ล่ะ
เราไปที่ตึก Yodobashi ซึ่งเป็นห้างที่มีทุกอย่าง ให้เลือกสรร เครื่องไฟฟ้า เกม เสื้อผ้า รองเท้า ร้านอาหาร
อิ่มท้องแล้วก็ช๊อปต่อเลย
แต่ที่นี่เป็นจุดเริ่มทำให้เสียเงินเป็นหมื่น มันคืออะไรน่ะเหรอ?? มันคือตู้เกม Pokemon Tretta เล่นจนห้างปิดยังไม่อยากกลับ
มันทำให้เราต้องตามหาตู้เกมนี้ ทุกที่ทุกวัน ตั้งแต่วันนั้นเลย.....
----->>>>>>>> เกียวโต วันที่ 2 <<<<<<------
เช้านี้ตื่นมาอากาศค่อนข้างเย็น
ทานข้าวเช้าที่โรงแรม ครัวซอง ทำสดๆ อบออกมาใหม่ๆ หมอมากๆๆ เป็นของขึ้นชื่อของ TOYOKO Inn เอามาทำขายเลยก็ได้
สมาชิกกลุ่มเรา ลงมาสาย อาหารเช้าหมดเวลาเก็บ นี้คือเก็บเลยนะครับ
โปรแกรมวันนี้ คือ ฝั่งตะวันออกของ เกียวโตครับ Daigo ji + Fushimi Inari + Kiyomizu dera + Philosophawalk + Ginkaku ji + Gion + Shiragawa Minami Dori + Nishiki market กินราเมงน้ำดำ
แต่ยังไม่ทันออกจากโรงแรมก็ ตัดโปรแกรมออกไป 2วัด 1 สถานที่ท่องเที่ยว เลย
ไปที่แรก Fushimi Inari ที่ศาลเจ้านี้เป็นที่ๆไปขอพร เพื่อความประสบความสำเร็จใน ธุรกิจ การงาน มีจิงจอกเป็นผู้ส่งสาร ให้กับเทพเจ้า
ไปถึงยังไม่ได้เข้าวัด จัดปลาใหลเจ้าดังเก่าแก่ หน้าวัดก่อนเลย ขนาดว่าเพิ่งกินข้าวเช้าไป ยัง อร่อยมากๆ
ซูชิ ที่เป็นเหมือนเต้าหู้ห่อข้าว นั้นเรียกว่า Inari Sushi ข้าวข้างในผสมงาและธัญพืช ไม่แน่ใจว่าอะไร เป็นของขึ่้นชื่อที่นี่มั้ง เห็นชื่อเหมือนกัน ก็กรุบๆอร่ยดีครับ แต่บางคนก็ไม่ชอบ
หมดกับมื้อนี้เยอะเพราะปลาใหล มันแพงๆๆๆๆๆ
ทางเดินเข้าวัด มีของกินล่อใจอีกแน่ะ.....
ก่อนเข้าศาลเจ้า ก็ชำระล้างสิ่งสกปรก ก่อนทุกครั้ง ก็จะมีกระบวย มีอ่างน้ำให้
เสานี้คือ ถ้าใครมาขอพรแล้ว กลับไปธิรกิจ ค้าขาย เจริญรุ่งเรือง ก็จะกลับมาสร้างเสาโทริอิ นี้ให้วัด 1 ต้น พร้อมสลักชื่อร้านค้า
ศักสิทธิ์ไม่ศักสิทธิ์ ก็เดินนับเสาดูครับ จากตีนเข้าไปถึงบนสุด เยอะมากๆๆ นับใหวแต่เดินไปนับไม่ใหว
ที่เกียวโตนี่ หนุ่มสาวออกเดทกันก็ใส่กิโมโนมาใหว้พระกัน เป็นเรื่องปรกติ เดินตามท้องถนน ช๊อปปิ้งกันได้เลย
แต่เห็นใส่กิโมโน บางที่ก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นนะ มีร้านให้เช่าตามหน้าวัด นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปก็ ไปเช่ามาใส่ถ่ายรูป สวยกันไปเลย
วัดกิโยมิสุ เป็นวัดชินโต วัดชินโตนี้จะเป็นวัดที่ บูชาพระพุทธรูป มักจะทำเป็นองค์ใหญ่ๆ ผู้คนที่มาขอพรที่นี่จะเกี่ยวกับความรัก
เรื่อง ของศาสนสถาน ถ้าเป็น Dera นี่น่าจะหมายถึง วัดชินโต ที่มี พระพุทธรูป
Ji เหมือนจะเป็นวัดเซ็น ที่จะเป็นสวนๆ
ศาลเจ้า Jinja น่าจะเป็นเทพ เทพๆเลย
Taisha น่าจะเป็น ศาลเจ้าเทพ เทพๆเลย
Jingu น่าจะเป็น เทพกษัติ ที่คนนับถือ ที่เสียไปแล้ว
ข้างล่างนั้นเป็น ร้านๆ ราเมงโซบะ ร้านน้ำชาในวัด ใว้นั่งSlow life กัน เราไม่Slow ต้อง FFไปอีกหลายที่ๆต้องไป ค่าตั๋วเครื่องบินแพงๆ เดี๋ยวไม่คุ้ม
วัดนี้โด่งดัง ตรงลานระเบียงใหญ่และสูงมากๆ ประมาณตึก 3-4ชั้น สร้างมานานหลายร้อยปี เค้าจะใช้ไม้ซุงตั้งเป็นเสา ประกอบ คาน ตง เข้าลิ่มกันแข็งแรง โดยที่ไม่ใช้ ตะปู น๊อตเลยซักตัว
ซากุระๆๆๆ ตูมๆ อ้วนอิ่ม ปริ ผลิดอกออกมาซะทีเหอะๆๆๆๆๆ
เดินจาก Kiyomizu Dera มา ทาง ย่าน Gion ตอนบ่ายๆเย็นๆ ก็จะเจอ เกอิชา ไมโกะ กำลังออกไปทำงานกัน เจอก็ทักทายดีๆ ขอถ่ายรูปสุภาพๆ นางจะเวลคัมๆๆ มากเลย
ขอโทษนะ ทำเจ๊เราหน้าดำไปถนัดตา อร้าย!!
บ้านเรือนเก่าแก่ ก็จะเจอของแปลกๆ
นี่บ้านนี้เร่งปุ๋ยเร่งดอก ใส่อาหารปลา ซากุระแน่นอน เป็นพวงเต็มต้นเลย ใครผ่านมาเห็นเป็นต้องถ่ายรูป
เราเดินทะลุกันไป ข้ามสะพาน ตรงถนน Shijo Dori ก็จะเป็น แหล่งช๊อปแหล่งกิน มีห้างสรรพสินค้าอยู่ริมถนน มีถนนคนเดินช๊อป ป็นซอยเข้าไป ทะลุกับตลาด นิชิกิ
เดินมาทั้งวัน ฝนตก หนาว เหนื่อย จนไม่สามารถตามหา ราเมงน้ำดำได้ จึงต้องจบวันนี้ด้วยโซบะ ร้อนๆในตลาด แล้วโบกแท๊กซี่กลับโรงแรมเลย
วันพรุ่งนี้เรา เราจะออกจาก เกียวโตไป Kinosaki Onsen กัน...........โปรดติดตามในตอนต่อไปครับ
No comments:
Post a Comment